ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
การขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ
หากศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยและจำเลยไม่มีเงินชำระค่าปรับ จำเลยจะถูกกักขังแทนค่าปรับอัตรา 500 บาท ต่อ 1 วัน แต่ปัจจุบันประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30/1 ถึง มาตรา 30/3 กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้ต้องโทษปรับทำงานบริการสังคมฯ แทนค่าปรับ ในกรณีที่ผู้นั้นไม่มีเงินชำระค่าปรับได้
บุคคลที่สามารถขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ
ผู้ต้องโทษปรับตามคำพิพากษาซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา (มิใช่นิติบุคคล) และไม่มีเงินชำระค่าปรับ
ขั้นตอนการยื่นคำร้องขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ
*** ปัจจุบันกฎหมายไม่ได้กำหนดแล้วว่า ศาลจะต้องพิพากษาปรับไม่เกินแปดหมื่นบาท จำเลยจึงจะขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับได้ เพราะฉะนั้นแม้ค่าปรับตามคำพิพากษาจะสูงกว่าแปดหมื่นบาท จำเลยก็มีสิทธิขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำงานบริการสังคมฯ แทนค่าปรับ
- งานที่ศาลกำหนดให้ทำจะเป็นไปตามความรู้ความสามารถของผู้ต้องโทษปรับ
- การทำงานที่ถือว่าเป็น 3 วัน อาจทำเพียง 2-4 ชั่วโมงก็ได้ ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ.2546 ว่าด้วยการกำหนดจำนวนชั่วโมงที่ถือเป็นการทำงานหนึ่งวัน
- คำสั่งของศาลที่อนุญาตให้เปลี่ยนโทษปรับเป็นการทำงานบริการสังคม หรือคำสั่งไม่อนุญาต กฎหมายกำหนดให้
เป็นที่สุด ผู้ร้องไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ แต่อาจเปลี่ยนแปลงเพิกถอนภายหลังได้ ถ้าความปรากฏแก่ศาลหรือคำ
แถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่าผู้ต้องโทษปรับมีเงินพอชำระค่าปรับได้ในเวลายื่นคำร้อง หรือหากภายหลังมีการฝ่าฝืน
หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ศาลอาจเพิกถอนคำสั่งอนุญาตดังกล่าว และให้ปรับหรือกักขังแทน
ค่าปรับโดยหักจำนวนวันทำงานมาแล้วออกจากจำนวนเงินค่าปรับได้
- ถ้าระหว่างทำงานบริการสังคม ผู้ต้องโทษปรับไม่ต้องการทำงานต่อไป อาจร้องขอเปลี่ยนเป็นรับโทษปรับ หรือ
กักขังแทนค่าปรับก็ไต้ ศาลต้องอนุญาตตามคำร้องนี้ โดยหักจำนวนวันที่ทำงานมาแล้วออกจากจำนวนเงินค่าปรับ
ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการกําหนดจํานวนชั่วโมงที่ถือเป็นการทํางานหนึ่งวัน และแนวปฏิบัติในการให้ทํางานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และการเปลี่ยนสถานที่กักขัง ->